การแข่งรถใน MotoGP ถือเป็นที่สุดของการแข่งรถ 2 ล้อที่เร็วที่สุดในโลก คล้ายการแข่งรถ 4 ล้อ ใน F1 ที่เป็นขั้นสุดของการแข่งขัน แต่ไม่ว่าจะเป็นรถสี่หรือสองล้อก็ต้องอาศัยทั้งความรู้ ความเร็ว และความมั่นคงในการบังคับรถมอเตอร์ไซค์ เป็นกีฬาที่ค่อนข้างท้าทายและน่าหวาดเสียวพอสมควร ถ้าใจรักก็ต้องยอมรับว่าโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุนั้นมีสูงกว่ากีฬาชนิดอื่น ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีผู้ที่หลงใหลในเสน่ห์ความเร็ว ชอบความท้าทายแบบไม่มีขีดจำกัดอย่าง หนุ่มนักบิด MotoGP ที่หล่องานดี มีแฟนคลับคับคั่ง แถมสร้างผลงานมาแล้วกระหึ่มโลก และนี่ก็คือรายชื่อของหนุ่ม ๆ ทั้ง 6 คน
-
Marc Márquez
มาเริ่มกันที่ Marc Marquez หนุ่มนักแข่งชาวสเปน สังกัด Repsol Honda Team ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ในการแข่งขันรถ MotoGP ตั้งแต่อายุยังน้อย มีดีกรีเป็นเจ้าของตำแหน่งแชมป์โลกโมโตจีพีมากถึง 8 สมัย ในอดีตเขาทำผลงานและคว้ารางวัลไปมากมาย เช่น การเข้าแข่งขันระดับมืออาชีพที่ขณะนั้นเขามีอายุเพียง 17 ปี พร้อมคว้าแชมป์โลกรุ่น 125cc ภายในปีเดียวกันไปอีก และอีก 2 ปีต่อมา ก็คว้าแชมป์รุ่น 250cc จนโชว์ฟอร์มหรูเข้าคว้าแชมป์ MotoGP World Championship จากผลงานคว้าถ้วยรางวัลทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในอายุ 24 ปีเท่านั้น เรียกได้ว่าเขายังมีเวลาอีกมากสำหรับการคว้าแชมป์จนกลายเป็นตำนานกับเส้นทางอาชีพนี้
-
Casey Stoner
นักแข่งระดับเทพขวัญใจคนไทย ที่เรียกได้ว่าเป็นตำนานที่ต้องถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ของ MotoGP เอาไว้เลย เพราะเขาสามารถคว้าแชมป์ใหญ่ได้ 2 ครั้งในปี 2007 และปี 2011 โดยที่อายุยังน้อย ด้วยความที่เขามีทักษะทางด้านกลกลของเครื่องยนต์ที่เขาได้ขี่เองอย่าง Ducati จึงทำให้รู้จักที่จะควบคุมการขับขี่เป็นอย่างดี ความชำนาญที่ว่านี้ส่งผลให้เขาคว้าแชมป์ไปได้ 2 ครั้ง แต่น่าเสียดายเหมือนกันที่สุดท้ายเขาได้ตัดสินใจออกจากวงการนักแข่งรถมืออาชีพไปทำงานเบื้องหลังให้กับ Ducati แทน
-
Wayne Rainey
นักกีฬาแข่งรถระดับแถวหน้าที่ดีที่สุดตลอดกาลของอเมริกา ในยุค 80s-90s เป็นยุครุ่งโรจน์ที่ต้องยกให้เขาจริง ๆ สำหรับ Rainey นักบิดภายใต้สังกัดทีม Yamaha ด้วยความที่มีสไตล์ในการเลือกมอเตอร์ไซต์ที่ผสมผสานกลิ่นอายวินเทจและมีความสุขุมนุ่มลึกในการขับขี่ ทำให้มีแฟน ๆ ติดตามและชื่นชอบเขาอย่างมาก แต่ชีวิตนักแข่งมืออาชีพก็ต้องสิ้นสุดลง ด้วยอุบัติเหตุทำให้กระดูกสันหลังหักจนกลายเป็นอัมพาต ปิดตำนานแชมป์โลก 3 สมัย ในปี 1990 – 1992
-
Ben Spies
แม้ว่าจะกลายเป็นตำนานไปแล้ว สำหรับอดีตนักบิดตัวแรง Spies ที่เคยทำผลงานคว้าแชมป์ในรายการ WorldSBK ในปี 2009 ที่แย่งชิงตำแหน่งที่ 1 จากคู่แข่ง Noriyuki Haga มาได้สำเร็จ แต่หลังจากที่คว้าแชมป์มาได้ 14 สมัยจากรายการ WorldSBK เขาก็ได้ขยับมาแข่งกับทีม Tech3 Yamaha ในสังเวียน MotoGP เมื่อปี 2010 แต่การแข่งครั้งนั้นก็เป็นการแข่งและการคว้ารางวัลครั้งสุดท้าย เนื่องด้วยปัญหาการบาดเจ็บที่หัวไหล่จนต้องพักฟื้น ทำให้เขาตัดสินใจประกาศแขวนหมวก เพราะปัญหาสุขภาพอาจส่งผลต่อการแข่งได้
-
Mike Hailwood
ใคร ๆ ก็เรียกเขาว่า “Mike The Bike” หนุ่มนักบิดจากสหราชอาณาจักร สังกัดทีม Honda และMV Agusta ดีกรีความแรงทั้งรถและคนไม่เป็นรองใคร เพราะในอดีตทำผลงานคว้าแชมป์โลกไปได้ถึง 4 ครั้ง ก่อนเปลี่ยนสายตามเพื่อนไปแข่ง F1 จนในที่สุดก็คว้าแชมป์ F1 มาครองอย่างใจหวัง ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ด้วยอายุเพียง 40 ปี
-
Michael Doohan
Michael Doohan นักแข่งมืออาชีพชาวออสซี่ในตำนาน แข่งในสังกัด Honda ช่วงปี 1994–1998 ถือเป็นยุครุ่งเรืองของเขาเลยก็ว่าได้เพราะ Doohan ครองแชมป์มากถึง 5 สมัย แต่รางวัลที่ได้มาก็ถือว่าไม่ได้มาง่าย ๆ เพราะต้องต่อสู้แย่งชิงกับนักบิดตัวแรงเหมือนกัน อย่าง Rainey เเละ Kevin Schwantz แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อ Doohan เลยแม้แต่น้อย เพราะในที่สุดเขาก็คว้าแชมป์ในการแข่งขันมาได้สำเร็จ ในขณะเดียวกันเขาก็ยังมีความชำนาญในด้านการแต่งรถรุ่น 500cc อีกด้วย
การแข่งขัน Motorsport โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ จำเป็นที่จะต้องใช้ทักษะขั้นสูง มีความรู้เรื่องกลไกของรถ ตัดสินใจเด็ดขาด ที่สำคัญต้องมีประสบการณ์ที่มากพอสมควร ถ้าไม่เก่งพอก็อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ๆ เพราะต้องศัยความเร็วตลอดการแข่งขัน หากสังเกตดี ๆ ก็จะพบว่ามีนักบิดจำนวนไม่น้อย คว้ารางวัลและประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย สาเหตุอาจเป็นเพราะพวกเขาเริ่มแข่งตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งต่างประเทศก็สนับสนุนและเปิดโอกาสให้เด็กเข้ามาแข่งตั้งแต่อายุยังน้อย จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไม หนุ่ม ๆ บางคนในลิสต์การจัดอันดับ ถึงสร้างผลงานกระหึ่มโลกตั้งแต่อายุยังน้อย
รู้ไว้ก่อนดู MotoGp : รวมทุกเรื่องน่ารู้ ก่อนดูการแข่งมอเตอร์ไซค์ทางเรียบ
เมื่อปี 1949 ทำให้โลกได้รู้จักกับการแข่งขันความเร็วของมอเตอร์ไซค์ระดับโลก ที่มีชื่อว่า กรังด์ปรีซ์มอเตอร์ไซค์เคิลเรซซิ่ง Grand Prix Motorcycle Racing ที่สหพันธ์จักรยานยนต์ระหว่างประเทศ Fédération Internationale de Motocyclisme (FIM) เป็นผู้จัดตั้ง ที่อีก 53 ปีให้หลัง ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนชื่อรายการใหม่เป็นโมโตจีพี MotoGP รายการแข่งขันที่เรารู้จักและคุ้นหูกันในปัจจุบัน ซึ่งประเทศไทยเองก็เป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขัน Motorsport ระดับโลกด้วย
ถ้าถามว่าการแข่งขันรถมอเตอร์ไซค์ที่เก่าแก่ที่สุดคืออะไร คำตอบจะเป็นรายการไหนไปไม่ได้นอกจาก MotoGP ที่มีมานานกว่า 80 ปี เป็นรายการแข่งรถมอเตอร์ไซค์บนทางเรียบที่ เร็วที่สุด แรงที่สุด ที่รวมเอานักแข่งระดับหัวแถวของโลกมาประลองความเร็วไว้อย่างมากมาย ภายใต้กติกาที่ว่ารถที่จะนำมาแข่งต้องถูกสร้างขึ้นมาใหม่เพื่อใช้แข่งโดยเฉพาะ แบบที่ว่าไม่มีการวางขายในตลาดมาก่อน แต่ต้องใช้เครื่องยนต์ที่มีขนาด 1000cc 4 สูบ จะเป็นเครื่อง V หรือเครื่อง In-Line ก็ได้ และต้องมีแรงม้าไม่ต่ำกว่า 240 แรงม้า และน้ำหนักโดยรวมของรถต้องไม่ต่ำกว่า 160 กิโลกรัม ข้อดีคือ นักแข่งและสังกัดทีมสามารถทดสอบเทคโนโลยีภายในตัวรถที่ใช้แข่งได้อย่างเต็มที่ ถ้ามันเวิร์คก็สามารถต่อยอดไปยังรถที่จะนำไปจำหน่ายได้ด้วย
ในส่วนของกติกาที่จะทำให้ผู้ชมทางบ้านอย่างเราเชียร์สนุกไปพร้อม ๆ กับการดูการแข่งขันก็มีทั้ง กติกาการแข่งขันที่จำเป็นต้องรู้ การลงโทษนักแข่งเมื่อไม่ทำตามกฎ โดยเรามาเริ่มกันที่กติกาเบื้องต้นของการแข่งขัน คือ
- อายุของผู้เข้าแข่งขันต้องอยู่ระหว่าง 18 -50 ปี
- ไม่อนุญาตให้ใช้ชิ้นส่วนแฟร์ริ่ง/ถังรถที่ผลิตจากไทเทเนียม
- ไม่อนุญาตให้ใช้หัวหรือกระบอกลูกสูบที่ผลิตจากคาร์บอน
- น้ำหนักของรถรวมกับของเหลวต้องมากกว่า 157 กิโลกรัม
- ไม่อนุญาตให้ติดตั้งระบบแปรผันของการอัดอากาศ Super Charger หรือ Turbo
- ขนาดเครื่องยนต์ที่ใช้แข่งต้องไม่ต่ำกว่า 800cc และไม่เกิน 1000cc
- ใน 1 ฤดูกาล ลิมิตของเครื่องยนต์จะอยู่ที่ 5 เครื่อง ต่อนักแข่ง 1 คน (ห้ามเกิน 5 เครื่อง)
- เปลี่ยรถแข่งได้ แต่คันที่ 2 ต้องเซ็ทอัพไว้ก่อนที่จะออกสตาร์ท ภายใต้กติกา Flag To Flag
- ห้ามเข้าใกล้ Green Zone
- ภายใน 1 ฤดูกาล นักแข่งสามารถใช้ยางทดสอบได้ไม่เกิน 120 ชุด (ไม่รวมยางที่ใช้แข่งจริง)
สำหรับการลงโทษหากมีนักแข่งทำผิดกฎนั้นจะว่ากันไปตามกรณี แต่ด้วยความที่เป็นคะแนนความประพฤติแบบสะสมอาจถูกตัดคะแนนออกไปจนทำให้เกิดโทษสูงสุด ซึ่งโทษสูงสุดของการแข่งขันคือ การห้ามให้ไม่นักแข่งลงแข่งในสนามต่อไป คะแนนต้องโทษจะอยู่ที่ 10 คะแนน ดังนั้น นักแข่งจำเป็นที่จะต้องระมัดระวังอย่างมากในการทำผิดกติกา ซึ่งรวมไปถึงพฤติกรรม ไม่เคารพเพื่อนนักแข่ง ขับขี่ไม่ปลอดภัยเสี่ยงอุบัติเหตุ หรือ มีพฤติกรรมก้าวร้าว เป็นต้น ทุกกรณีของการลงโทษนั้นจะมีอายุ 1 ปี หลังจากการรับโทษ
มาถึงส่วนสุดท้ายของการแข่งขันในโมโตจีพีนั่นก็คือการคิดคะแนนในหนึ่งสนามของการแข่งขัน คะแนนที่ได้จะถูกแบ่งออกเป็นส่วนต่าง ๆ ดังนี้ ถ้าผู้แข่งชนะการแข่งขันจะได้ 25 คะแนน อันดับที่สอง จะได้ 20 คะแนน และอันดับที่สาม จะได้ 16 คะแนน โดยคะแนนจะค่อย ๆ ลดลงไปจนถึงผู้เข้าเส้นชัยที่อันดับ 15 ซึ่งคนสุดท้ายก็จะได้ 1 คะแนน ส่วนคนที่จะไม่ได้คะแนนเลยก็คือ คนที่เข้าเส้นชัยต่ำกว่าหรือไม่จบการแข่งขัน และรวมไปถึงกรณีอื่น ๆ ด้วย
ref
- https://www.motowish.com/general-tips/how-to-watching-motogp/
- https://www.yamaha-motor.co.th/blog/detail?url=ข้อควรรู้ก่อนดู-motogp&cate=racing-story